สอนลูกดูละครอย่างสร้างสรรค์ รู้เท่าทันสื่อ
ในปัจจุบันเราปฏิเสธไม่ได้ว่าสื่อเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น นอกจาก จะมีทีวีเหมือนสมัยก่อนแล้ว ปัจจุบันเกือบทุกบ้าน ก็ยังมีอุปกรณ์เสพสื่ออื่น ๆ อีก เช่น คอมพิวเตอร์แท็บเล็ต สมาร์ทโฟน ซึ่งสามารถเข้าถึงสื่อได้ทั้งในและต่างประเทศ โดยไม่ จำกัดเวลา ทำให้คุณพ่อคุณแม่ในหลายๆ ครอบครัว ประสบความยากลำบากโดยเฉพาะ เด็กๆ ที่สามารถเข้าถึงสื่อดังกล่าว ทำให้ยากในการควบคุม นอกจากนี้ประเภทของเนื้อหา ยิ่งมีความสำคัญ โดยเฉพาะในบ้านเราเอง ไม่ได้มีกฎระเบียบในการดูเนื้อหาแต่ละประเภทไว้ เป็นเพียงข้อแนะนำในการรับชมอย่างละครหลังข่าวของทุกช่อง เนื้อหามีความหลากหลาย บางเรื่องบางมุมไม่เหมาะสมกับเด็ก ทำเอาคุณพ่อคุณแม่เกิดความลำบากใจในการสอนลูก
ทำให้เกิดคำถามตามมาว่า...เราจะสอนให้ลูกๆ เสพสื่อเหล่านี้กันอย่างไรดี
คุณพ่อคุณแม่คงไม่สามารถที่จะห้ามลูกๆ ดูภาพยนตร์ หรือละครได้ แต่ในขั้นแรกแอดมิน แนะนำว่า ควรจะดูทีวีไปพร้อมๆ กับลูกเลยค่ะ เพื่อที่จะให้คำแนะนำพวกเขา ได้อย่างใกล้ชิด จาก แนวคิดของ วันชัย บุญประชา ผู้จัดการมูลนิธิเครือข่ายครอบครัว และผู้จัดการแผนงานสุขภาวะ ครอบครัว ของ สสส. บอกว่า “หัวใจสำคัญคือ การมีเวลาอยู่กับลูก ไม่ควรปล่อยให้เด็กบริโภคสื่อ ตามลำพัง พ่อแม่อยู่ด้วยจะช่วยเสริมให้เด็กเกิดการเรียนรู้ที่ถูกต้อง สื่อพวกนี้จะไม่สามารถทำอะไร เด็กได้ถ้าเด็กมีภูมิคุ้มกันที่ดี แต่สิ่งที่น่ากังวลมากคือ การให้สภาพแวดล้อมเป็นผู้ดูแลลูก พ่อแม่ บางส่วนอาจปล่อยให้ลูกอยู่กับสื่อโดยลำพัง เราไม่สามารถคาดหวังได้ว่า ถ้าเด็กได้รับสื่อ และเอา ไปทำอะไรต่อ การที่มีเวลาร่วมเรียนรู้กับลูกและการเสริมความคิด ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี กระตุ้นให้ เด็กได้คิดได้พูด ถ้าสิ่งที่เค้าแสดงออกมาเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องก็ต้องปรับ” คุณพ่อคุณแม่ควรคัดกรองเนื้อหาของสื่อ และควรแนะนำถึงพฤติกรรมของตัวละครในสื่อ ด้วยว่าเหมาะสม ควรทำหรือไม่ควรทำอย่างไร และสิ่งที่สำคัญเลยคือ ควรสอนลูกให้รู้จักตั้งคำถาม และเรียนรู้ในสิ่งที่เขาเห็นจากทีวี เช่น อาจจะเปิดทีวีขึ้นมา และใช้โอกาสนี้ ถามคำถามที่กระตุ้นให้ เขาคิดว่า “ลูกว่าเหมาะสมไหมที่คนนั้น(ในทีวี) จะใช้กำลัง พวกเขาน่าจะทำอะไรได้อีกบ้างไหม ถ้าเป็นลูก ลูกจะทำอย่างไร” และคุณพ่อคุณแม่ยังสามารถใช้สื่ออธิบายถึงเหตุการณ์ที่สร้างความ สับสน หรือเรื่องราวที่ยุ่งยากซับซ้อน อย่างเรื่องเพศ ความรัก สุรา การสูบบุหรี่ได้ด้วย
สิ่งต่อมาคือ ควรกำหนดเวลาในการใช้ทีวี คอมพิวเตอร์ หรือแท็บเล็ตให้กับลูก ไม่ควร ปล่อยให้เขาใช้เป็นเวลานานเกินไป หมั่นฝึกให้เขาเป็นคนมีระเบียบวินัย ใช้อุปกรณ์เสพสื่อพวกนี้ อย่างพอดี และควรสอนลูกใช้เทคโนโลยีให้เป็น อาจจะสอนให้หาข้อมูลเกี่ยวกับการบ้านวิชาต่าง ๆ หรือเปิดสารคดีให้ดู นอกจากนี้ ควรหากิจกรรมอื่นๆ ให้ลูกทำด้วย อย่างเช่น การออกกำลังกาย การไปชม นิทรรศการวิทยาศาสตร์ การทำกิจกรรมวันสำคัญที่โรงเรียน การทำงานฝีมือ การอ่านหนังสือ การเต้นรำ หรือกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อพัฒนาการของลูก และยิ่งในวัยเด็กนั้น เรื่องของ สุขภาพก็เป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามนะคะ ถ้าเด็กๆ มัวแต่ใช้ทีวี คอมพิวเตอร์ หรือแท็บเล็ต จนไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย ทานอาหารไม่ตรงเวลา หรือพักผ่อนไม่เพียงพอ ก็อาจจะมีผลกระทบ ต่อสุขภาพได้ค่ะ การให้ลูกเสพสื่อที่มีความล่อแหลมไม่ได้มีโทษเพียงอย่างเดียว แอดมินคิดว่าการจะได้ ประโยชน์หรือโทษมากน้อยเท่าไรนั้น ขึ้นอยู่กับว่าลูกดูกับใคร ถ้าเขาดูคนเดียวหรือดูกับเพื่อน อาจขาดคนแนะนำในสิ่งที่เขาดูว่าเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดี แต่ถ้าลูกดูกับผู้ปกครอง นอกจากเขาจะได้ เรียนรู้ในสิ่งที่คุณต้องการอยากเพิ่มเติม หรือนอกเหนือจากที่ภาพยนตร์ หรือละครสอนแล้วนั้น การได้ใช้เวลาร่วมกันในครอบครัว ก็จะทำให้ลูกมีความสุขและอบอุ่น ซึ่งมีผลต่อความสัมพันธ์ใน ครอบครัวด้วย เพราะทุกคนก็ย่อมต้องการความรัก ความห่วงใยเสมอค่ะ
By ปังปอนด์
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
|