โรคหวัดภูมิแพ้
อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยในช่วงนี้ หากใครที่เกิดอาการจามบ่อย ๆ คัดจมูก แน่นจมูก ทานอะไรก็คันเนื้อคันตัว นั่นแหละค่ะ “โรคหวัดภูมิแพ้” ซึ่งอาการที่ว่านี้ เกิดขึ้นแล้วจะเป็นคล้าย ๆ โรคหวัด อาจจะเรียกอีกแบบว่า “หวัดจากภูมิแพ้” ก็ได้ค่ะ
“หวัดจากภูมิแพ้” หรือ “โรคหวัดภูมิแพ้” (Allergic Rhinitis) เกิดจากเยื่อจมูกอักเสบ เนื่องจากปฏิกิริยาภูมิแพ้ของร่างกาย เป็นโรคที่พบได้ในคนทุกเพศทุกวัย ซึ่งมักจะเกิดอาการเมื่อ คนนั้นได้รับสารที่ตนแพ้ เช่น โดนฝุ่นละออง สัมผัสใกล้ชิดกับสัตว์ หรือแม้แต่ได้รับละอองของ เกสรดอกไม้ ดอกหญ้าต่าง ๆ ตามฤดูกาล กรรมพันธุ์ ก็ถือเป็นอีกองค์ประกอบหนึ่งในการเกิดโรคนี้ เด็กที่มีพ่อหรือแม่ คนใดคนหนึ่งเป็นโรคภูมิแพ้ จะมีโอกาสที่ลูกจะเป็นโรคภูมิแพ้ด้วยประมาณ 30% แต่ถ้าทั้งพ่อและแม่เป็นโรคภูมิแพ้ ลูกมีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้ประมาณ 50% (ข้อมูลจาก medicarezine) ส่วนอาการของโรคที่เราสามารถสังเกตได้ คือ จะเป็นหวัด คัดจมูก มีน้ำมูกใส จามบ่อย คันในจมูก คันคอ คันตา น้ำตาไหล เจ็บคอ แสบคอ มีอาการไอแห้ง ๆ ร่วมด้วย อาจมีอาการปวด บริเวณหน้าผากหรือหัวคิ้ว ปวดศีรษะ หูอื้อ มีเสียงดังในหู รับรู้กลิ่นน้อยลง ลมหายใจมีกลิ่นเหม็น มักมีอาการเมื่อสัมผัสสิ่งกระตุ้น เช่น อากาศเย็น ควัน ฝุ่นละออง สารก่อภูมิแพ้ มักมีอาการในช่วง เช้าแล้วค่อยทุเลาลงเมื่อช่วงสาย ๆ ไปแล้ว อาจมีอาการอ่อนเพลียนอนไม่หลับในบางราย บางรายอาจรู้สึกแน่นหน้าอก หายใจมีเสียงวี้ด ซึ่งเป็นอาการของโรคหืดร่วมด้วย (ข้อมูลจาก healthcarethai) และถ้าเรา หรือคนใกล้ชิดเป็นโรคหวัดจากภูมิแพ้ ก็ต้องดูแลรักษาตนเองนะคะ เพราะยาที่ใช้รักษาหวัดภูมิแพ้จะช่วยแค่เพียงบรรเทาอาการ จะไม่ได้ช่วยให้หายขาด โรคนี้อาจเกิดเป็นช่วง ๆเป็นโรคเรื้อรัง ยิ่งโดนสิ่งที่กระตุ้นภูมิแพ้ก็จะเกิดอาการขึ้นมา เพราะฉะนั้นการดูแลรักษาตนเองและการปรับสภาพแวดล้อมใกล้ตัวถือว่าสำคัญมากทีเดียว วิธีดูแลตนเองเมื่อเป็น “โรคหวัดภูมิแพ้” สามารถทำได้ดังนี้ค่ะ
1. ไปเที่ยวทะเลสูดอากาศ คุณรู้หรือไม่ว่า ทะเลและมหาสมุทรมีพลังอย่างน่าอัศจรรย์ หรือเราเรียกว่า “น้ำทะเลบำบัด” (Thalassotherapy) ซึ่งเป็นการรักษาร่างกายและจิตใจแบบ องค์รวมตามความเชื่อโบราณว่า น้ำทะเลไม่เพียงมีสรรพคุณทางยาโดยธรรมชาติ แต่ยังมีคุณสมบัติ ในการบำบัดรักษาทั้งในเชิงกายภาพและเชิงเคมี ปัจจุบันสามารถรักษาได้กับภาวะการเจ็บป่วย หลายรูปแบบ การหายใจ สูดไอทะเลเข้าสู่ร่างกายจะช่วยลดอาการระคายเคืองของเยื่อบุจมูก รวมทั้งช่วยปกป้องเยื่อบุจมูกที่อักเสบและเสริมสร้างเยื่อบุจมูกขึ้นใหม่ หรือจะใช้สเปรย์สำหรับ พ่นจมูก ที่เป็นผลิตภัณฑ์จากน้ำทะเลบริสุทธิ์จากทะเลเอเดรียติกเป็นส่วนประกอบหลัก และผ่านกรรมวิธีทำให้สะอาดปราศจากเชื้อ ไม่ใส่วัตถุกันเสียและสารเติมแต่งใด ๆ มี ความเหมาะสมสำหรับการทำความสะอาด ให้ความชุ่มชื้นแก่โพรงจมูก เมื่อมีอาการจมูกแห้งหรือ ระคายเคืองภายในจมูก และช่วยบรรเทาอาการหายใจลำบาก ใช้ได้ทั้งทารก เด็ก และผู้ใหญ่ (ข้อมูลจาก www.aquamaristhailand.com )
2. หลีกเลี่ยงละอองเกสรดอกไม้ต่าง ๆ การตัดหญ้า การสัมผัสขนสัตว์ และการทำงาน ที่ต้องสัมผัสสิ่งที่กระตุ้นภูมิแพ้ อาจจะทำได้ลำบากหน่อย แต่เราต้องระมัดระวังมากขึ้นค่ะ ถ้าอยู่ใน บ้านอาจปิดประตูหน้าต่าง และเปิดเครื่องปรับอากาศแทน ผู้ที่เป็นควรสังเกตว่าเราแพ้อะไร และควร หลีกเลี่ยงสิ่งนั้นด้วยนะคะ 3. สร้างสภาพแวดล้อมให้มีสิ่งที่กระตุ้นภูมิแพ้ให้น้อยที่สุด เช่น การใช้ผ้าปูที่นอนปลอกหมอนกันไรฝุ่น เลี่ยงการใช้ผ้าขนสัตว์ หรืออะไรก็ตามที่สามารถกักเก็บฝุ่นได้ อาจรวมไปถึง การงดปูพรมในบ้าน และการใช้เสื้อผ้าที่เป็นขน ๆ ด้วยนะคะ 4. ควรดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ โดยการทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ หากเกิดความเครียดมากก็ให้ผ่อนคลายความเครียดนะคะ เพราะการดูแลสุขภาพกายและใจให้ดีจะช่วยได้มากค่ะ
การเป็น “โรคหวัดภูมิแพ้” อาจไม่ใช่เรื่องใกล้ตัวอีกต่อไป คุณควรดูแลรักษาสุขภาพของ ตนเองและคนที่คุณรัก ควรสังเกตว่ามีอาการคล้าย ๆ โรคหวัด มีอาการคัดจมูก น้ำมูกใส จามบ่อย คันจมูก คันคอ คันตา น้ำตาไหล เจ็บคอ แสบคอ มีอาการไอแห้ง ๆ ร่วมด้วยหรือไม่ หากมีอาการ เหล่านี้ก็ควรรีบดูแลรักษาตนเองแต่เนิ่น ๆ นะคะ ที่สำคัญคือควรดูแลรักษาร่างกายให้แข็งแรงอยู่ เสมอ ออกกำลังกาย ทานอาหารดี ๆ มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ จะเป็นการป้องกันตนเองในเบื้องต้นได้ค่ะ มา “สุขใจเพราะเราเลือกดูแลกัน” ด้วยการดูแลรักษาตนเองให้ห่างไกลจากโรคหวัด ภูมิแพ้กันค่ะ
By ปังปอนด์ หมายเหตุ : ข้อ 2, 3 (แหล่งข้อมูลจาก medicarezine) ภาพประกอบจาก : www.today.com และ www.aquamaristhailand.com
|