ช่วงอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย สภาพอากาศช่วงนี้ เรียกได้ว่าเปลี่ยนแปลงเร็วมาก มาตอนเช้าอากาศร้อนอบอ้าว พอบ่าย ๆ ฝนตก พอฝนตกเสร็จอากาศก็เย็นขึ้นอีก การที่อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยเร็วแบบนี้ ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เราล้มป่วยได้ง่าย ยิ่งใครที่มีสุขภาพร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ภูมิต้านทานต่ำ หรืออยู่ในช่วงหักโหมทำงานหนักจนไม่ค่อยได้พักผ่อน ยิ่งต้องระมัดระวังมากขึ้นนะคะ ว่าแต่มีโรคอะไรบ้างนะ ที่เสี่ยงป่วยในช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย มาติดตามกันเลยค่ะ 1. ไข้หวัดธรรมดา (Common Cold) เป็นโรคที่พบได้บ่อยที่สุด เพราะส่วนใหญ่ก็จะเดี๋ยวเป็นเดี๋ยวหาย ตลอดทั้งปี คนเป็นไข้หวัดธรรมดาจะมีอาการไม่ค่อยร้ายแรง ได้แก่ อาการไอ จาม มีน้ำมูก คัดจมูก อาจจะมีไข้ต่ำ ๆ ส่วนใหญ่จะหายได้เองภายในเวลาไม่เกิน 1 สัปดาห์ วิธีการรักษา จะรักษาตามอาการ เช่น เป็นไข้ก็ให้ทานยาลดไข้ และพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำเปล่าบ่อย ๆ ทำร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอ ทางป้องกัน หมั่นรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ ด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ ทำให้ร่างกายอบอุ่น รับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ และออกกำลังกายเป็นประจำ 2. ไข้หวัดใหญ่ (Influenza) อาการของโรคนี้จะคล้ายกับโรคไข้หวัดธรรมดา แต่จะมีความรุนแรงกว่า มีอาการไอ จาม มีเสมหะ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามร่างกาย อ่อนเพลีย มีไข้สูง และอาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย วิธีรักษา เราใช้วิธีการรักษาเบื้องต้นแบบเดียวกับไข้หวัดธรรมดา อาจทานยาลดไข้ ยาลดน้ำมูก ยาแก้ไอ ตามอาการ ให้พักผ่อนมาก ๆ ดื่มน้ำบ่อย ๆ แต่หากเป็นแล้วก็ไม่ควรปล่อยจนลุกลาม เพราะอาจรุนแรงจนทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ ควรรีบไปพบแพทย์ 3. โรคปอดบวม (Pneumonia) อาการสำคัญของโรคนี้คือ มีไข้ ไอ เจ็บหน้าอก และหอบเหนื่อย มักมีอาการติดเชื้อของทางเดินหายใจส่วนต้น หรือเป็นหวัดนำมาก่อน แล้วจึงตามมาด้วยอาการไอ และหายใจหอบ อาจมีอาการปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เจ็บคอ ปวดท้อง เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย วิธีรักษา ขึ้นอยู่กับว่าผู้ป่วยได้รับเชื้อชนิดใด และอาการมีความรุนแรงระดับไหน มักรักษาตามอาการของผู้ป่วยไปพร้อม ๆ กับการป้องกันภาวะแทรกซ้อน ที่จะทำให้อาการปอดบวมทรุดลงได้ หากเป็นปอดบวมที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย และมักใช้ยาปฏิชีวนะชนิดรับประทานในผู้ป่วยที่อาการไม่รุนแรง และไม่มีอาการแทรกซ้อน ทางป้องกัน สำหรับผู้ที่ยังไม่ติดเชื้อ สามารถป้องกันอาการปอดบวมได้โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่แออัด หลีกเลี่ยงควันไฟหรือควันบุหรี่ ดูแลร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอ โดยเฉพาะในเวลาที่อากาศเย็น รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ฉีดวัคซีนป้องกันโรค และควรสวมหน้ากากอนามัย เพื่อไม่ให้มีการแพร่เชื้อไปยังผู้อื่น (ข้อมูลจาก gedgoodlife) 4. ภูมิแพ้อากาศ (Allergic Rhinitis) จะมีอาการจามติดต่อกัน มีน้ำมูกใสไหลตลอดเวลา คันตา จมูก และคอ ระยะอาการของโรคนาน และมีอาการเป็นประจำ วิธีรักษา หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีฝุ่น ควัน สารเคมี หรือสิ่งที่กระตุ้นภูมิแพ้ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รู้จักผ่อนคลายความเครียด และพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างไรก็ตามอาการของโรคภูมิแพ้มีโอกาสกลับมาเป็นอีก ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของร่างกายและการปฏิบัติตัวของผู้ป่วยด้วย ทางป้องกัน การป้องกันโรคภูมิแพ้อากาศ ต้องมีการติดตามดูแลอาการอย่างต่อเนื่อง ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ดูแลตนเอง และสิ่งแวดล้อมรอบตัวผู้ป่วยให้เหมาะสม ซึ่งจะช่วยให้อาการทุเลาลงมาก จนถึงไม่มีอาการเลย
มา “สุขใจเพราะเราเลือกดูแลกัน” ด้วยวิธีดูแลรักษาสุขภาพของร่างกายให้แข็งแรง ห่างไกลโรคที่มักเกิดในช่วงอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยกันค่ะ
|
Home >> |
ช่วงอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย เสี่ยงเป็นโรคอะไรบ้างนะ |
|
|