หายใจติดขัด มีกลิ่นคาวที่จมูก น้ำมูกเยอะ หรือจะเป็น “ริดสีดวงจมูก”
ในช่วงปลายฝนต้นหนาวที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยแบบนี้ จึงไม่แปลกเลยที่หลายคนมักมีอาการ คล้ายไข้หวัด เช่น จาม มีน้ำมูกไหล ปวดศีรษะ เจ็บคอเรื้อรัง ลมหายใจมีกลิ่น ซึ่งเพื่อน ๆ ทราบหรือไม่คะ ว่านี่คืออาการของโรคริดสีดวงจมูกนั้นเอง โรคนี้ดูเหมือนจะไม่ร้ายแรงอะไรแต่ก็ส่งผลต่อผู้ป่วยอย่างมาก แล้วเจ้าริดสีดวงจมูกคืออะไร จะมีวิธีไหนที่ช่วยป้องกันโรคนี้ได้บ้างมาหาคำตอบกันค่ะ
ริดสีดวงจมูกเป็นติ่งเนื้อ หรือก้อนเนื้อเมือกในโพรงจมูก ที่มักไม่มีอันตรายร้ายแรง เว้นเสียแต่ว่าก้อนติ่งเนื้อโตมากขึ้น แล้วปิดทางเดินหายใจ ทำให้หายใจไม่สะดวก และสูญเสียการรับรู้กลิ่นไป ซึ่งริดสีดวงจมูกโรคทางจมูกและไซนัส เมื่อเป็นขึ้นมาครั้งหนึ่งแล้ว ก็มักจะเป็นซ้ำได้อีก ส่วนใหญ่พบมากในผู้ใหญ่อายุ 20 - 40 ปี และในผู้ที่เป็นโรคหืด เป็นหวัด ภูมิแพ้ ไซนัสอักเสบเรื้อรัง
ส่วนสาเหตุของโรคริดสีดวงจมูก เกิดจากหลายสาเหตุด้วยกัน เช่น • การอักเสบ และการติดเชื้อของเยื่อบุจมูก และเยื่อบุไซนัส ที่เกิดซ้ำ ๆ และบ่อย ๆ จนส่งผลให้เยื่อบุจมูกบวม • การตีบแคบของทางเดินอากาศในโพรงจมูก และไซนัส ทำให้การไหลเวียนอากาศผิดปกติ และเกิดการบวมอักเสบเรื้อรังของเยื่อบุจมูก และไซนัส • ความผิดปกติของระบบประสาทอัตโนมัติ ที่ควบคุมหลอดเลือดของเยื่อบุจมูก และเยื่อบุไซนัส ส่งผลให้มีของเหลวไหลออกจากหลอดเลือดจนเกิดการบวมเรื้อรัง และกลายเป็นก้อน เนื้อในที่สุด • มีเชื้อราในจมูก • เป็นโรคไซนัสอักเสบ ภูมิแพ้ หรือหอบหืด • พันธุกรรม
อาการของริดสีดวงจมูก คือ เมื่อริดสีดวงจมูกมีขนาดโตขึ้น จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการคัดแน่นจมูก ซึ่งจะเป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ อาจมีอาการจาม หรือมีน้ำมูก ซึ่งอาจมีลักษณะใส ขุ่นข้น เหนียวหรือมีสีเหลืองเขียว ผู้ป่วยอาจได้รับกลิ่นน้อยลงหรือไม่ได้กลิ่น ในรายที่มีไซนัสอักเสบร่วมด้วยอาจมีน้ำมูก เสมหะเหลืองเขียวไหลลงคอ อาจมีอาการปวดตื้อบริเวณแก้มหรือสันจมูก ปวดหรือมึนศีรษะ เจ็บคอเรื้อรัง ไอหรือกระแอมบ่อย ระคายคอ แสบคอ และหูอื้อได้ (ข้อมูลจาก goodlifeupdate)
สำหรับวิธีดูแลตนเองให้ห่างไกลจากริดสีดวงจมูกมีดังต่อไปนี้ค่ะ
1. หลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้ การหลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้ คือวิธีปฏิบัติที่ดีที่สุด และจำไว้ว่าต้องเคร่งครัด อย่างคนที่แพ้ฝุ่นในอากาศ ก็ต้องเลี่ยงฝุ่น ไม่ว่าจะทั้งนอกบ้านและในบ้าน สำหรับในบ้าน ก็ไม่ควรปูพรม หรือมี สิ่งของในบ้านมากเกินไป เพราะจะเป็นตัวเก็บฝุ่น อีกทั้งยังทำความสะอาดยาก รวมถึงหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ชื้น แฉะ บริเวณที่มีเชื้อราและแบคทีเรียอีกด้วย
2. ไปเที่ยว สูดอากาศบริสุทธิ์จากธรรมชาติ ย่างการไปเที่ยวทะเล คุณรู้หรือไม่ว่า ทะเลและมหาสมุทรมีพลังอย่างน่าอัศจรรย์ หรือเราเรียกว่า “น้ำทะเลบำบัด” (Thalassotherapy) เป็นการรักษาร่างกายและจิตใจแบบองค์รวม ตามความเชื่อโบราณว่า น้ำทะเลไม่เพียงมีสรรพคุณทางยาโดยธรรมชาติ แต่ยังมีคุณสมบัติในการบำบัดรักษาทั้งในเชิงกายภาพและเชิงเคมี การหายใจ สูดไอทะเลเข้าสู่ร่างกายจะช่วยลดอาการระคายเคืองของเยื่อบุจมูก รวมทั้งช่วยปกป้องเยื่อบุจมูกที่อักเสบและเสริมสร้างเยื่อบุจมูกขึ้นใหม่ หรือจะใช้สเปรย์สำหรับพ่นจมูกที่เป็นผลิตภัณฑ์จากน้ำทะเลบริสุทธิ์ จากทะเลเอเดรียติกเป็นส่วนประกอบหลัก มีความเหมาะสมสำหรับการทำความสะอาด ให้ความชุ่มชื้นแก่โพรงจมูก เมื่อมีอาการจมูกแห้งหรือระคายเคืองภายในจมูก และช่วยบรรเทาอาการหายใจลำบาก ใช้ได้ทั้งทารก เด็กและผู้ใหญ่ (ข้อมูลจาก www.aquamaristhailand.com)
3. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ โรคริดสีดวงจมูกนั้น เป็นผลกระทบที่เกิดจากโรคไซนัสอักเสบ ฉะนั้นการออกกำลังกายจะช่วยกระตุ้นการทำงานของอวัยวะในร่างกาย ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง สุขภาพกายดี แถมสุขภาพจิต ก็ยังดีตามอีกด้วย วิธีปฏบัติที่ถูกต้องคือ ให้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และพอเหมาะ ไม่มาก ไม่น้อยเกินไป ก็จะสร้างภูมิคุ้นกันให้กับร่างกายได้อีกทางหนึ่ง
เพียงแค่เราหลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และมีตัวช่วยดีๆ อย่างสเปรย์สำหรับพ่นจมูกที่เป็นผลิตภัณฑ์จากน้ำทะเลบริสุทธิ์ ก็สามารถป้องกันตนเองจากโรคริดสีดวงจมูกได้ไม่ยากเลยนะคะ
มา “สุขใจเพราะเราเลือกดูแลกัน” ด้วยการดูแลตนเองให้ห่างไกลจากโรคริดสีดวงจมูกนะคะ
|