ภูมิแพ้อากาศ โรคที่คนไทยป่วยมากขึ้น
คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า จากการปรับผังเมือง การพัฒนาเส้นทางคมนาคมขนส่ง การก่อสร้างรถไฟฟ้า อาคารบ้านเรือน รวมถึงปัญหาการจราจรที่ติดขัดในทุกวันนี้ สร้างฝุ่นละออง ควันพิษ และมลภาวะทางอากาศมากมาย ประกอบกับการที่เราใช้ชีวิตในสังคมเมืองมากขึ้น มีภาระงานที่หนักหน่วง จนไม่มีเวลาในการดูแลสุขภาพเท่าที่ควร จึงเป็นสาเหตุให้เราป่วยได้ง่ายนะคะ โดยเฉพาะโรคภูมิแพ้อากาศที่นับวันคนไทยจะป่วยเป็นโรคนี้เพิ่มมากขึ้น แล้วทำไมภูมิคุ้มกันเราถึงอ่อนแอ และเราจะรับมือกับโรคนี้อย่างไรมาดูกันเลยค่ะ
ระบบภูมิคุ้มกันเสมือนทหารต้านโรค ความจริงแล้วเราอยู่กับเชื้อโรครอบตัวมากมายตลอดเวลา และในแต่ละวันเราก็อาจสัมผัสกับเชื้อโรคเยอะแยะ แต่ทำไมเราถึงไม่เจ็บป่วยหรือนาน ๆ จะเจ็บป่วยเสียที ก็เพราะร่างกายเรามีระบบภูมิคุ้มกันเซลล์เม็ดเลือดขาวที่เปรียบเสมือนทหารคอยจัดการปราบเชื้อโรค ซึ่งถ้าทหารหาญเราแข็งแรง เชื้อโรคก็ยากที่จะกล้ำกรายเข้ามา แต่หากช่วงใดร่างกายเราอ่อนแอ ก็จะส่งผลไปที่ระบบภูมิคุ้มกันด้วย เป็นเหตุให้บางครั้งเราก็ป่วยเป็นนั่นเป็นนี่ได้
ทำไมภูมิคุ้มกันถึงอ่อนแอ 1. กรรมพันธุ์ ระบบภูมิคุ้มกันเป็นสิ่งที่ได้รับการถ่ายทอดจากพ่อแม่ หากพ่อแม่มีร่างกายแข็งแรง ลูกก็จะมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีตาม แต่แม้ธรรมชาติร่างกายจะป่วยง่าย เราก็สามารถเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้ดีขึ้นได้ด้วยการดูแลสุขภาพ เช่น การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หรือการ ออกกำลังกาย
2. พฤติกรรมการดูแลสุขภาพ จากคนที่มีร่างกายแข็งแรงก็กลายเป็นอ่อนแอได้ หากไม่ใส่ใจสุขภาพ อย่างเช่น รับประทานอาหารไม่ครบห้าหมู่ ไม่รับประทานผักผลไม้ พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือร่างกายสะสมความเครียด โดยเฉพาะเจ้าความเครียดนี่แหละ ที่เป็นตัวการร้ายคอยกัดกินให้ระบบต่าง ๆ ในร่าง กายเรารวน อีกทั้งยังเป็นบ่อเกิดโรคร้ายที่นึกไม่ถึงได้ด้วย
ความร้ายกาจของภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ภูมิคุ้มกันอ่อนแอไม่ได้ทำให้คุณป่วยเป็นแค่หวัดหรือภูมิแพ้ได้เท่านั้น แต่เปรียบเสมือนคุณเปิดประตูบ้านต้อนรับเชื้อโรคตัวร้ายอื่น ๆ ให้มีโอกาสแวะเวียนเข้ามาได้ อาทิ โรคมะเร็งต่าง ๆ หรือโรคแพ้ภูมิตัวเอง (SLE) ที่อันตรายถึงชีวิต ฉะนั้นใครชอบป่วยบ่อย ๆ รีบหันมาดูแลสุขภาพดีกว่า ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้
1. ทานอาหารต้านโรค นอกเหนือจากการรับประทานอาหารให้ครบห้าหมู่ ควรเสริมด้วยอาหารที่ช่วยสร้างเสริมระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งโดยมากจะอยู่ในผักผลไม้ที่มีเบต้าแคโรทีน วิตามินซี วิตามินอี วิตามินบี อาทิ ผักใบเขียวจัดหรือสีเหลืองส้ม เห็ดต่าง ๆ และแร่ธาตุซีลีเนียม หรือสังกะสี ที่พบในเนื้อสัตว์ อาหารทะเล นม หรือถั่ว เป็นต้น
2. ออกกำลังกาย เพื่อช่วยกระตุ้นให้ระบบการไหลเวียนเลือดดีขึ้น แล้วทำให้เม็ดเลือดขาวในเนื้อเยื่อต่าง ๆ แข็งแรงเพื่อจัดการกับเชื้อโรคได้ง่าย อีกทั้งร่างกายจะหลั่งสารเอ็นดอร์ฟินออกมาหลังการออกกำลังกายเพื่อช่วยทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย ลดความเครียดและความวิตกกังวลซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคภัยได้ โดยเราควรออกกำลังกายให้ได้อย่างน้อย 30 นาที 3 - 4 วันต่อสัปดาห์
3. พักผ่อนให้เพียงพอ ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของคนเรา จะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากร่างกายของเราทุกคน ได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ และในขณะที่เราได้นอนหลับพักผ่อนอยู่นั้น ร่างกายของเราก็จะได้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้อีกด้วย เพราะฉะนั้น ถ้าหากคุณไม่อยากป่วย เป็นไข้หวัด ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 6 - 8 ชั่วโมง
4. เลิกสูบบุหรี่ ภัยสุขภาพจากการสูบบุหรี่นั้นมีตั้งแต่มะเร็งปอด ไปจนถึงริ้วรอยก่อนวัยอันควร และมันยังทำให้คุณมีโอกาสเป็นหวัดได้ง่ายขึ้นอีกด้วย ผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำ จะเป็นหวัดบ่อยกว่าผู้ที่ไม่สูบเลย และเมื่อล้มป่วย ผู้ที่สูบบุหรี่ยังมีอาการหนักกว่าอีกด้วยนะคะ ถึงแม้ว่าโรคภูมิแพ้อากาศจะมีสาเหตุมาจากฝุ่นละออง ควันพิษและมลภาวะในอากาศต่าง ๆ นะคะ แต่ก็ยังมีเรื่องของพันธุกรรม และพฤติกรรมการใช้ชีวิตของเราด้วยนะคะ ฉะนั้นเพื่อน ๆ ควรดูแลสุขภาพของเราให้แข็งแรงอยู่เสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทาน
อาหารที่มีประโยชน์ รวมถึงการมีตัวช่วยดี ๆ ที่เป็นผลิตภัณฑ์จากน้ำทะเลบริสุทธิ์จากทะเลเอเดรียติกเป็นส่วนประกอบหลัก และผ่านกรรมวิธีทำให้สะอาดปราศจากเชื้อ เหมาะแก่การทำความสะอาดจมูกไว้ติดบ้านก็ดีไม่น้อยเลยนะคะ
มา “สุขใจเพราะเราเลือกดูแลกัน” ด้วยวิธีดูแลสุขภาพให้แข็งแรงห่างไกลจากโรคภูมิแพ้อากาศนะคะ
ข้อมูลจาก bangkokhospital
|