ป้องกันหวัด ยังไงดี เมื่อคนรอบตัวติดหวัดกันนัวเนียไปหมดแล้ว
ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะเข้าสู่หน้าหนาวแล้วนะคะ แต่ก็ยังมีบ้างครั้งที่เดี๋ยวฝนตก เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาว เมื่อสภาพอากาศเป็นเช่นนี้บ่อย ๆ เข้า ร่างกายปรับตัวไม่ทันและทำให้เจ็บป่วยไม่สบายตามมา แต่เพื่อน ๆ เคยไหมคะ ที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยแบบนี้ จนทำให้คนรอบตัวเราติดหวัดกันนัวเนียไปหมด หากเป็นเช่นนี้เราจะมีวิธีการดูแลตนเองอย่างไรบ้าง มาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันเลยค่ะ
อยู่ให้ห่างจากคนเป็นหวัด เชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดไข้หวัดจะอาศัยอยู่ในสารคัดหลั่งบริเวณทางเดินหายใจ เมื่อมีอาการไอหรือจามจะล่องลอยไปในอากาศได้ไกลถึงสามฟุตก่อนที่จะตกลงพื้น หากคนที่เป็นไข้หวัดแล้วไอหรือจาม ก็อาจทำให้อากาศที่อยู่รอบตัวเขามีเชื้อโรคปนเปื้อนอยู่ได้ ฉะนั้นคุณไม่ควรเข้าใกล้คนป่วยอย่างน้อย ๆ ก็สามฟุตเลยนะ แต่หากจำเป็นจริง ๆ ก็ควรสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันเชื้อโรคนะคะ
อย่านำมือไปสัมผัสกับใบหน้า ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณปากและจมูก เพราะหากเชื้อโรคเข้าไปอยู่ในเยื่อเมือกในบริเวณปากหรือจมูกได้ล่ะก็ คุณก็จะติดหวัดได้อย่างแน่นอน และถ้าเชื้อไวรัสขึ้นมาเกาะอยู่บนผิวหน้า คุณก็มีความเสี่ยงสูงที่จะติดหวัดได้ด้วย
ทำความสะอาดข้าวของเครื่องใช้ คุณควรทำความสะอาดข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้าน เพราะหากคุณอาศัยอยู่บ้านเดียวกับผู้ป่วย เชื้อหวัดนี้สามารถอยู่รอบตัวเราได้ตลอดเวลา นอกจากนี้คนที่ติดเชื้อหวัดประมาณ 25 เปอร์เซ็นต์ อาจจะไม่แสดงอาการอะไรออกมา แต่จะเป็นพาหะที่ทำให้เกิดการติดต่อกันได้ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมคุณถึงต้องทำความสะอาดที่ชาร์จมือถือ ที่จับประตูตู้เย็น รวมทั้งสวิตช์ปิดเปิดไฟ อย่างน้อย ๆ ก็วันละครั้งนั่นเอง
ล้างมือให้สะอาด คุณควรล้างมือให้สะอาดหลังแตะต้องอะไร ที่ต้องใช้ร่วมกันภายในบ้านหรือออฟฟิศ ไม่ว่าจะเป็นสวิตช์ปิดเปิดไฟ คีย์บอร์ด ตู้กดน้ำ หรืออุปกรณ์อื่นใดที่ต้องใช้ร่วมกัน โดยใช้น้ำกับสบู่ในการล้างมือ และต้องถูมือให้เกิดฟองอย่างน้อย ๆ ก็ 20 วินาที จากนั้นก็ล้างน้ำให้สะอาด เสร็จแล้วจะปล่อยให้แห้งเอง หรือใช้ผ้าขนหนูซับให้แห้งก็ได้ ในกรณีที่หาอ่างล้างมือไม่ได้ ก็สามารถใช้เจลทำความสะอาดมือแบบไม่ใช้น้ำก็ได้ แต่ต้องมีแอลกอฮอล์ผสมอยู่อย่างน้อย 60 เปอร์เซ็นต์
ใส่ถุงมือยางถ้าต้องดูแลผู้ป่วย เวลาที่อยู่ในสถานพยาบาลนั้น แพทย์และพยาบาลมักจะใส่ถุงมือยางและหน้ากากอนามัยแบบใช้แล้วทิ้ง เพื่อป้องกันการสัมผัสกับสารคัดหลั่งที่ปนเปื้อนเชื้อโรค ฉะนั้น คุณก็ควรใช้มาตรการเดียวกันนี้ในการดูแลผู้ป่วยที่บ้าน แล้วอย่าลืมล้างมือบ่อย ๆ ด้วยนะคะ
ปิดหน้าต่าง ถึงแม้ว่าการเปิดหน้าต่างออฟฟิศจะช่วยให้มีการระบายอากาศได้ดี ยามที่มีเพื่อนร่วมงานห้องข้าง ๆ ติดหวัดอยู่ แต่จริง ๆ แล้วนั่นอาจทำให้คุณสูดอากาศที่มีเชื้อโรคปนเปื้อนอยู่เข้าไปได้ ก็อย่างที่บอกไปแล้วนั่นแหละว่า เชื้อหวัดสามารถล่องลอยขึ้นไปในอากาศได้ไกลถึงสามฟุต ฉะนั้น ถ้าคุณเปิดหน้าต่างทิ้งไว้ ก็เท่ากับเปิดทางให้เชื้อหวัดเข้ามาโจมตีคุณได้ง่าย ๆ
ล้างถ้วยล้างชามเอง นับเป็นเรื่องยากอยู่เหมือนกันนะ ที่จะหลีกเลี่ยงการติดเชื้อหวัด เมื่อคุณต้องอาศัยในบ้านเดียวกับผู้ที่เป็นหวัด แต่ถ้าคุณทำงานบ้านบางอย่างเอง อย่างเช่น การล้างถ้วยชามด้วยตัวเอง ก็จะช่วยลดโอกาสเสี่ยงที่เชื้อหวัดจากผู้ป่วยจะมาเกาะอยู่บนถ้วยชาม แล้วเข้าไปอยู่ในปากของคุณเองในที่สุด ฉะนั้น ให้ผู้ป่วยนอนพักไป ส่วนคุณก็ทำความสะอาดโน่นนี่ไป
นอนหลับให้เพียงพอ การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอนั้นนับเป็นพฤติกรรมที่ดี ที่ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างเป็นปกติ และช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจอย่างเชื้อหวัดได้ด้วย ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วผู้ใหญ่ควรนอนให้ได้ 7 ถึง 9 ชั่วโมงต่อคืน
อย่าเครียด คุณควรรู้เอาไว้ด้วยนะว่าความเครียดก็ทำให้คุณเกิดอาการเจ็บป่วยได้เหมือนกัน โดยมีรายงานว่าคนที่มีความเครียดทางจิตใจนั้น จะสร้างสารภูมิต้านทานขึ้นมาโต้ตอบกับวัคซีนไข้หวัดได้น้อยลง โดยงานศึกษาวิจัยที่ตีพิมพ์ใน Brain, Behavior and Immunity เมื่อปี 2009 ระบุว่านับเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องทำจิตใจให้สบายในช่วงที่มีไข้หวัดระบาด เพราะไม่เช่นนั้นก็จะมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อหวัดได้ง่ายค่ะ
ในช่วงอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยแบบนี้ ถึงแม้เราจะมีสุขภาพที่ดี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ผู้คนรอบตัวเราจะไม่เจ็บป่วยนะคะ ดังนั้น เราควรดูแลสุขภาพของเราแข็งแรงอยู่เสมอ ให้พร้อมรับมือกับทุกสภาพอากาศกันดีกว่านะคะ
มา “สุขใจเพราะเราเลือกดูแลกัน” ด้วยวิธีการดูแลตนเองเมื่อคนรอบข้างติดหวัดกันนัวเนียค่ะ
ข้อมูลจาก sanook
|