ภูมิแพ้เกสรดอกไม้...บรรเทาได้ด้วยเคล็ดลับจากท้องทะเล
ช่วงท้ายปีแบบนี้ก็จะเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวชมดอกไม้บานตามภูมิภาคต่าง ๆ ของเมืองไทย แต่ถ้าใครเกิดอาการภูมิแพ้เกสรดอกไม้ขึ้นมา ก็คงหมดสนุกกับทริปต่าง ๆ ที่กำลังวางโปรแกรมกันไว้ใช่มั้ยคะ หรือแม้แต่บางคนที่อาจไม่ได้ไปไหน แต่อากาศแห้ง ๆ ลมพัดแบบนี้ ก็มักจะมีละอองเกสรลอยมาเข้าจมูกให้ได้รู้สึกยุบยิบ น้ำมูกไหลกันแล้ว จะแก้ไขอย่างไร ดูแลตัวเองแบบไหน เรามีคำตอบค่ะ
โรคภูมิแพ้เกสรดอกไม้ โรคภูมิแพ้ชนิดนี้ เป็นหนึ่งในโรคภูมิแพ้ทางอากาศที่ผู้คนเป็นกันค่อนข้างมาก อีกทั้งยังส่งผลต่อระบบหายใจ โดยเฉพาะอาการคัด คันจมูก น้ำมูกไหล ได้ง่ายเป็นพิเศษ เนื่องจากเกสรดอกไม้มีลักษณะเป็นละอองฟุ้งกระจาย เมื่อโดนลมพัดก็จะยิ่งลอยตัวไปในอากาศ โดยเฉพาะในช่วงอากาศหนาวที่ค่อนข้างแห้งแบบนี้ เกสรดอกไม้ยิ่งลอยตัวได้ดี ทำให้คนที่เป็นภูมิแพ้แบบนี้มีอาการกำเริบบ่อย ๆ ขึ้นมา
สารก่อภูมิแพ้จากละอองเกสรพืช ซึ่งหากกล่าวถึงอาการภูมิแพ้จากพืช ก็ไม่ได้มีเพียงเกสรดอกไม้เท่านั้นที่กระจายตัวได้ แล้วก่อให้เกิดภูมิแพ้ แต่ยังมีส่วนอื่น ๆ ของพืชที่สามารถทำให้เราเกิดอาการได้ด้วย เช่น 1. ละอองเกสรไม้ล้มลุก 2. ละอองเกสรดอกไม้ยืนต้น 3. ละอองเกสรวัชพืช
วิธีป้องกันตัวเองจากอาการภูมิแพ้เกสรดอกไม้
1. อาบน้ำชำระร่างกายสม่ำเสมอ สำหรับคนไทยเราเคยชินกับการอาบน้ำวันละ 2 ครั้งก็คือเช้ากับเย็น ซึ่งถือว่าเหมาะสมกับสภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศเรา แต่หากอยู่ในช่วงฤดูหนาว บางคนอาจไม่ค่อยอยากชำระล้างร่างกายบ่อยนักจนลดเหลือเพียงวันละ 1 ครั้งเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ให้ยึดการชำระล้างล้างกายหลังจากผจญมลภาวะมาตลอดวัน คือช่วงเย็นเป็นหลัก เพราะการออกไปข้างนอก คุณอาจเดินผ่านสวนสาธารณะ ต้นไม้ตามริมถนน หรือไม้ดอกไม้ประดับตกแต่งสถานที่จนทำให้ละอองเหล่านั้นติดผิวหนังและเสื้อผ้าได้
2. สวมแว่นตาและผ้าปิดจมูก จมูกและดวงตา คือช่องทางสำคัญที่จะสัมผัสกับละอองเกสรพืชจนทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ ดังนั้นในช่วงนี้คุณต้องระมัดระวังตัวเองมากกว่าปกติสักหน่อย หรือหากเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวก็ควรปิดกระจกรถ งดการชื่นชมธรรมชาติไปก่อน
3. ดูแลบริเวณบ้าน ที่อยู่อาศัยสัมพันธ์กับภูมิแพ้โดยตรง เพราะคุณต้องใช้เวลาอยู่บ้านเป็นหลักก็ว่าได้ อย่างน้อย ๆ ควรงดการใช้ดอกไม้สด และดอกไม้แห้งประดับตกแต่งบ้าน หากต้องการสีสันเลือกใช้พวกดอกไม้พลาสติกหรือภาพวาดอื่น ๆ ทดแทนไปก่อน และหากมีสวนในบ้านก็พยายามปิดประตูหน้าต่างไว้บ้าง เปิดระบายอากาศเป็นช่วงเวลาก็พอ ไม่ควรเปิดให้เกสรและฝุ่นละอองไหลผ่านเข้ามาตลอดวัน หากมีเครื่องกรองอากาศหรือกำลังสนใจจะซื้อมาไว้ ควรเลือกระบบที่สามารถกรองอนุภาคขนาดเล็ก ป้องกัน โรคภูมิแพ้ได้
4. ใช้ยาให้ถูกอาการ สเปรย์พ่นจมูกคือตัวเลือกที่น่าสนใจเมื่อคุณมีอาการภูมิแพ้ขึ้นมา เพราะการปล่อยให้ตัวเองไอ จาม เป็นเวลานาน ๆ นอกจะทำให้เสียบุคลิกแล้ว ยังส่งผลต่อสภาพร่างกายและจิตใจด้วย ดังนั้นควรเลือกตัวยาที่ให้ผลทันที มีฤทธิ์อ่อนโยน ไม่ใส่วัตถุกันเสียและสารเติมแต่งใด ๆ มีความเหมาะสมสำหรับการทำความสะอาด ให้ความชุ่มชื้นแก่โพรงจมูกเมื่อมีอาการจมูกแห้งหรือระคายเคืองภายในจมูก และช่วยบรรเทาอาการหายใจลำบาก ใช้ได้ทั้งทารก เด็ก และผู้ใหญ่ (ข้อมูลจาก www.aquamaristhailand.com)
5. ลองเปลี่ยนจากดูดอกไม้เป็นท่องเที่ยวเชิงผ่อนคลายริมทะเล ศาสตร์ในการใช้น้ำทะเลเพื่อเยียวยารักษาสุขภาพมีมากว่า 4,000 ปีแล้ว เรียกว่า Thaiassotherapy เป็นการใช้น้ำทะเลรักษาอาการเจ็บป่วย ในยุคปัจจุบัน แพทย์และนักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษากันอย่างจริงจัง ถึงเหตุที่ทำให้น้ำทะเลมีประโยชน์ต่อการรักษาสุขภาพ และพบว่าน้ำทะเลอุดมไปด้วยแร่ธาตุ และวิตามินมากมายที่ร่างกายต้องการการศึกษาวิจัยยังแสดงให้เห็นด้วยว่า เราสามารถนำเกลือทะเลมาผสมลงในน้ำอาบที่บ้าน อีกวิธีหนึ่งของการใช้ประโยชน์จากน้ำทะเลในการเยียวยาสุขภาพ ก็คือ การหายใจเอากลิ่นอายของน้ำทะเลเข้าไปในจมูก โดยใช้สองมือประสานกันวักน้ำทะเลขึ้นมาจ่อไว้ใต้จมูก และสูดหายใจเข้าลึก ๆ ซึ่งเชื่อกันว่าจะช่วยทำความสะอาดไซนัส และเปิดเส้นทางลมให้จมูกโล่งสบาย
จะเห็นได้ว่าการดูแลสุขภาพในช่วงท่องเที่ยวก็เป็นอีกสิ่งสำคัญมากนะคะ ยิ่งในช่วงฤดูหนาวแบบนี้ ใครที่มีอาการภูมิแพ้อาจต้องระวังเรื่องการท่องเที่ยวตามสวนดอกไม้ซักหน่อย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าให้งดไปเลย เรายังสามารถเลือกสถานที่อื่น ๆ ทดแทนได้ค่ะ อย่างการไปเที่ยวที่เงียบสงบ หรือเที่ยวทะเลหน้าหนาวก็โรแมนติกไปอีกแบบ และอย่าลืมนำเคล็ดลับด้านบนไปประยุกต์ใช้กันนะคะ
มา “สุขใจเพราะเราเลือกดูแลกัน” มาบรรเทาอาการภูมิแพ้เกสรดอกไม้กันนะคะ
ข้อมุลจาก Siphhospital
|