ความแตกต่างระหว่างความรักกับความเมตตา “ความรักกับความเมตตา” คำสองคำนี้ หากมีการนำธรรมะเข้ามาจับ จะพบว่ามีความต่างกันมาก โดย “ความรัก” นั้นเป็น "สมุทัย" หรือเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ เปรียบเทียบให้เห็นตัวอย่าง เช่น การรักบุตรหลาน รักญาติมิตร รักเพื่อน หรือคู่รักประกอบด้วย "ฉันทราคะ" ที่เรารู้สึกกับใครบางคน แบบเฉพาะเจาะจง จากความเสน่หาเท่านั้น จิตที่เกิดความรัก จึงเป็นจิตที่ผูกพัน ห่วงใย อาลัย ยึดติด ทำให้จิตรู้สึกหนัก ไม่โปร่ง โดยเมื่อคนที่เรารัก ไม่เป็นไปอย่างที่ใจเราคิด เราคาดหวัง เช่น ไม่เชื่อฟังเรา ไม่เห็นด้วยกับความคิดเรา เลิกกับเรา ป่วยไข้ เสียชีวิต ก็จะนำมาซึ่งความเศร้าโศก เสียใจ ยิ่งรักมากผูกพันมาก ก็จะเศร้าโศก เสียใจมาก จนบางคนถึงขั้นยอมตายเพราะความรัก มีพุทธสุภาษิตที่ว่า “เปมโต ชายเต โสโก : ความโศกย่อมเกิดแต่ความรัก”, “เปมโต ชายเต ภยํ : ภัยย่อมเกิดแต่ความรัก” และ “เปมโต วิปฺปมุตฺตสฺส : ความโศกไม่มีแก่ผู้พ้นแล้ว”, “นตฺถิ โสโก กุโต ภยํ : จากความรัก ภัยจะมีมาแต่ที่ไหน” เป็นต้น ส่วน “ความเมตตา” นั้นเป็น "มรรค" หรือหนทางสู่ความดับทุกข์ อยู่ในพรมหมวิหาร ๔ ประกอบด้วย เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เป็นธรรมที่แผ่ออกไปในสัตว์โลกและมนุษย์ทั้งหลาย จากเล็กสุดที่มองไม่เห็น ไปจนสุดไกลโพ้นอย่างมีความสม่ำเสมอทั่วกัน ไม่มีประมาณ ไม่จำกัดขอบเขต ไม่ผูกพัน ไม่ห่วงใยหรืออาลัย ยึดติด ทำให้จิตที่มีความเมตตา จะมีความโปร่ง เบาใจ ไม่หนัก และความเมตตานี้เป็นคู่ต่อสู้ต่อ “ความพยาบาท” โดยตรง โดยผู้ที่มีเมตตาอย่างแท้จริง จะได้รับอานิสงส์ ๑๑ ประการด้วย ตามแบบที่แสดงไว้ใน เมตตานิสังสสูตร ว่า “สขํ สุปติ : หลับก็เป็นสุข” “สุขํ ปฏิพุชฺฌติ : ตื่นก็เป็นสุข” “น ปาปกํ สุปินํ ปสฺสติ : ย่อมไม่ฝัน เห็นลามก” “มนิสฺสานํ ปิโย โหติ : ย่อมเป็นที่ชอบใจของมนุษย์ทั้งหลาย” “อมนุสฺสานํ ปิโย โหติ : ย่อมเป็นที่ชอบใจของอมนุษย์ทั้งหลาย” “เทวตา รกฺขนฺติ : เทวดาทั้งหลายย่อมรักษา” “นาสฺส อคฺคิ วา วิสํ : ไฟหรือยาพิษหรือศัสตรา” “วา สตฺถํ วา กมต : ย่อมไม่ต้องผู้เจริญเมตตานั้น” “ตุวฏํ จิตฺตํ สมาธิยติ : จิตของผู้เจริญเมตตาย่อมมั่นเป็นสมาธิเร็ว” “มุขวณฺโณ วิปฺปสีทติ : สีหน้าของผู้เจริญเมตตาย่อมผ่องใส” ทั้งนี้ ความเมตตานั้น หากมีการฝึกให้แข่งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็ยิ่งขยายอาณาบริเวณแห่งความเมตตากว้างขวางออกไปจนถึงขนาดที่ว่า สามารถเมตตาได้กระทั่งตัวเอง ไปจนถึงขอบปากของจักรวาล หากเราฝึกใช้ชีวิตของเราอย่างมีสติ ฝึกแยกแยะสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวเรา และฝึกการปล่อยวางการตัดสิน ตีความ กับเรื่องเหล่านั้นได้เราก็จะสามารถอยู่กับปัจจุบันที่ไม่ติดยึดกับตัวตนของเรา และ ณ นาทีนั้น เราก็จะสร้างความเป็นไปได้ของการเป็นความรักที่แผ่ขยายอาณาเขตออกไปสู่ความเมตตา จากตัวเราสู่คนในชีวิตของเรา สู่ชุมชนของเรา สู่ประเทศ สู่โลก และจักรวาลของเราได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด (ข้อมูลจาก ideaforumgroup)
|
Home >> |
ความแตกต่างระหว่างความรักกับความเมตตา |
|
|