ลดเครียดช่วงโควิด ด้วยการจัดเวลาอยู่บ้านอย่างสร้างสรรค์ พร้อมกระชับรักในครอบครัว
อยู่บ้านกันนาน ๆ ย่อมเกิดอาการเบื่อกันได้ แต่ละคนก็มีวิธีแก้เบื่อแก้เซ็งกัน อาจเหมือนหรือแตกต่างกันไป แต่สิ่งสำคัญคือ อย่าให้เครียดเกินไป เพราะความเครียดที่มากและยาวนานจะไปกดภูมิคุ้มกันในร่างกาย ทำให้เสี่ยงต่อการติดโรคและเกิดอาการรุนแรง ดังนั้น การมีกิจกรรมทำจะช่วยแก้เซ็ง และลดความเครียดได้
จัดเวลาอยู่บ้านอย่างไรให้สร้างสรรค์ พร้อมกระชับความสัมพันธ์กับคนในครอบครัว...
1. จัดเวลางาน/เรียน จัดเวลาสำหรับ Work at home ในผู้ใหญ่ และการเรียนการสอนผ่านออนไลน์ในวัยรุ่น อาจารย์มหาวิทยาลัยหลายสถาบันจัดการการเรียนการสอนทางออนไลน์ ใช้เวลาทำงานหรือเรียนอย่างมีคุณภาพ จัดเวลาตามเป้าหมายผลลัพธ์ของงานที่ต้องการให้เกิดและทำอย่างเต็มที่ให้มีคุณภาพ
2. จัดเวลาสำหรับงานบ้าน ที่เป็นกิจวัตรประจำวัน เช่น ทำอาหาร เช็ดถูทำความสะอาด ซักรีดเสื้อผ้า ล้างจาน ควรมีการแบ่งงานกันทำ ในวันหยุดควรจัดสิ่งแวดล้อมในบ้านให้น่าอยู่และสะอาด ถือโอกาสตกแต่งบ้านใหม่ให้ถูกใจคนอยู่มากขึ้น
3. จัดเวลาสำหรับงานอดิเรกที่ชอบ บางอย่างอาจได้ผลผลิตที่ทำรายได้ หรือทำเพื่อช่วยเหลือคนในสังคม เช่น การเย็บหน้ากากผ้า การให้ความรู้ในเรื่องการทำอาหาร การทำของเล่น การให้กำลังใจผ่านโซเชียลมีเดีย ในยุคที่เศรษฐกิจฝืดเคืองเช่นนี้อาจจัดเวลาหาความรู้เพิ่มเติมจากโลกออนไลน์เพื่อเสริมรายได้ในอนาคต ส่วนเด็ก ๆ ก็อาจจะอ่านหนังสือ เล่นเกม เล่นของเล่น โดยพ่อแม่ควรเลือกหนังสือ เกม และของเล่นให้เหมาะกับวัยและเป็นการส่งเสริมพัฒนาการของเด็กด้วย
4. จัดเวลาเพื่อทำกิจกรรมทางกาย การเดิน วิ่ง ปั่นจักรยาน การเคลื่อนไหวร่างกายอย่างต่อเนื่อง หรือการออกกำลังกายล้วนเป็นกิจกรรมทางกายที่ดีต่อสุขภาพร่างกายทั้งนั้น โดยคนทุกเพศทุกวัยควรมีกิจกรรมทางกายที่เหมาะสม เพื่อให้ร่างกายยืดหยุ่น กล้ามเนื้อแข็งแรง มีระบบการทำงานของหัวใจและปอดที่สัมพันธ์กันอย่างดี ทำให้สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในช่วงโควิดระบาดอาจหามุมออกกำลังกายเพื่อยืดเส้นยืดสาย บ้านใครมีบริเวณบ้านก็ออกมากระโดดเชือกตีแบดมินตัน กันบ้าง ฝึกเตะฟุตบอลเข้า ประตูตาข่ายที่ทำเอง ชู้ตลูกบอลลงตะกร้า เป็นต้น
5. จัดเวลาอยู่กับลูก โดยแบ่งเวลาประมาณ 20 นาทีหรือมากกว่าขึ้นอยู่กับความสะดวกของพ่อแม่ผู้ปกครอง อาจเป็นเวลาเดิมในทุกวันเพื่อลูกรู้จักตั้งตารอคอย ถามลูกว่าอยากทำอะไร การได้เลือกจะทำให้ลูกมั่นใจมากขึ้น แต่ถ้าลูกอยากทำอะไรที่ไม่เหมาะกับการต้องรักษาระยะห่างทางกายก็จะเป็นโอกาสที่จะได้คุยกับลูกเรื่องนี้
ตัวอย่างกิจกรรมที่ทำกับลูกวัยเด็ก เช่น อ่านหนังสือหรือดูรูป, ไปเดินเล่นรอบบ้าน, เปิดเพลงเต้นหรือร้องเพลงด้วยกัน, ทำงานบ้านด้วยกัน ทำให้การทำความสะอาดหรือทำกับข้าวเป็นเกมสนุก, ช่วยลูกทำการบ้าน ส่วนกิจกรรมที่ทำกับลูกวัยรุ่น เช่น คุยกันเรื่องที่ลูกชอบ (อาทิ กีฬา ดนตรี รายการทีวี ดารา), เปิดเพลงที่ลูกชอบและออกกำลังไปด้วยกัน
ลองจัดเวลาแบ่งสรรปันส่วนให้เหมาะสมกับตัวเอง จะรู้สึกว่าเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วกว่าที่คิด จนลืมเบื่อลืมเซ็งกันเลยทีเดียว แถมยังอาจค้นพบวิธีหารายได้ใหม่ ๆ ก็เป็นได้