"การเลี้ยงลูกให้สนุก ความเข้าใจเป็นสิ่งสำคัญ"
แม้จะรักลูกมากแค่ไหน แต่ถ้าแก้วตาดวงใจทั้งดื้อทั้งซน ไม่เชื่อฟัง ยิ่งห้ามยิ่งทำ นอนก็ดึก ตื่นก็สาย ให้กินข้าวก็ไม่ยอมกิน เชื่อว่าพ่อแม่ที่ประสบปัญหาเหล่านี้คงรู้สึกอารมณ์เสียบ้างไม่มากก็น้อย สิ่งที่พ่อแม่ส่วนใหญ่อาจไม่รู้ คือ แท้จริงแล้วหากเข้าใจพัฒนาการเด็ก คุณเองก็สามารถเลี้ยงได้สนุกและทำตามอย่างที่ต้องการได้ไม่ยากเลย
เด็กแต่ละวัยมีความเข้าใจและความต้องการแตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม วัยที่มีความสำคัญมากต่ออนาคตของเด็ก และมักประสบปัญหาเรื่องพฤติกรรมบ่อยๆ คือ ช่วงปฐมวัย หรืออายุก่อน 6 ปี โดยเฉพาะช่วง 2-3 ขวบ เด็กจะมีอารมณ์แปรเปลี่ยนอย่างรวดเร็วและยึดเอาตัวเองเป็นสำคัญ ถ้าบอกว่าไม่ หรือ อย่า จะทำทันที หรือแอบทำให้ได้ แต่ถ้าบอกให้ทำจะไม่ยอมทำเด็ดขาด ฉะนั้น คำเหล่านี้จะเป็นคำต้องห้าม ที่จะพูดกับเด็กเวลาอยากจะให้เข้าทำอะไรหรือห้ามทำอะไร
เด็กๆ จะรู้สึกมีความสุข มีความภูมิใจและอยากทำ ถ้าเขาได้เป็นคนจัดการเองหรือเป็นคนที่ตัดสินใจทำด้วยตัวเอง นอกจากนี้เด็กๆจะชอบเลียนแบบสิ่งที่ผู้ใหญ่ทำ เช่น เห็นผู้ใหญ่นั่งทำงานกับคอมพิวเตอร์ เขาก็จะอยากกดคอมพิวเตอร์ด้วย เห็นผู้ใหญ่ถูบ้าน เขาก็อยากถูบ้านด้วย ฉะนั้น วิธีการสอนลูกที่ดีที่สุดก็คือเป็นตัวอย่างให้ลูกดู ไม่ใช่สอนโดยการบ่น หรือสั่ง เช่น สอนให้ลูกพูดจาไพเราะ แต่พ่อแม่เวลาลืมตัวโมโหเสียงดังแล้วพูดหยาบคาย ลูกก็คงไม่มีวันพูดจาสุภาพอ่อนหวานได้
สิ่งสำคัญอย่าเอาชนะคะคานกับลูก แต่ก็ไม่ใช่ยอมลูกไปเสียทุกอย่าง เช่น ต้องพาลูกไปธุระที่ต้องแต่งตัวเรียบร้อย แต่ลูกไม่ยอม จะใส่แต่เสื้อตัวเก่งที่สีสะดุดตาลายการ์ตูนตัวโปรดไม่เหมาะกับกาลเทศะ ควรหาวิธีที่จะทำให้เหมือนลูกเป็นคนเลือกเอง แต่ตัวเลือกที่ผู้ปกครองหยิบมาให้ลูกเลือก เป็นเสื้อที่ดูแล้วเหมาะกับงานทุกตัวเลือก ลูกก็จะรู้สึกว่าลูกเป็นคนจัดการเองไม่ใช่โดนบังคับ
เคล็ดลับสำหรับพ่อแม่ผู้ปกครอง 3 ในการเลี้ยงดูลูกปฐมวัย
1. พ่อแม่และทุกคนในครอบครัวต้องคิดไว้เสมอว่าสิ่งที่เราแสดงออกนั้นเด็กๆ จะมองเห็นและเรียนรู้ที่จะทำตามตลอดเวลา อย่าคิดว่าเขาเป็นเด็กเล็กที่ยังไม่รู้เรื่องเด็ดขาด
2. ควรมีความสม่ำเสมอในกิจวัตรประจำวัน เช่น กินเป็นเวลา นอนเป็นเวลา ระยะเวลาในการทำกิจกรรมต่างๆ โดยเฉพาะการดูหน้าจอต่างๆ ไม่ควรเกิน 2 ชั่วโมงต่อวัน การจะทำกิจวัตรเหล่านี้ให้ได้เป็นเวลาสม่ำเสมอต้องอาศัยความแน่วแน่และความเข้มแข็งทางใจของพ่อแม่ ไม่ใช่เจอลูกอ้อน ร้องไห้หรือลูกดื้อหน่อยก็ยอมลูก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ควรใช้อารมณ์กับลูก
3. ปรับพฤติกรรมเด็กด้วยกันเป็นทีมเวิร์คโดยทุกคนในบ้านต้องร่วมมือกันมีความเห็นตกลงไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ใช่พ่อห้ามทำพฤติกรรมแบบนี้แต่ปู่กับย่าบอกไม่เป็นไร เด็กจะสับสนและคิดว่าเราทำอะไรก็ได้มีคนเข้าข้างแน่นอน เขาจะไม่เรียนรู้ว่าอะไรทำได้หรือไม่ได้
แม้การเลี้ยงลูกอาจไม่ใช่เรื่องง่าย แต่พ่อแม่ไม่ควรเครียด หมั่นทำอารมณ์ให้สดชื่นแจ่มใสอยู่เสมอ มองโลกในแง่ดี คิดเสียว่าลูกดื้อ หมายความว่าลูกเราเก่งพอที่จะมีความคิดเป็นของตัวเองแล้ว ก้าวไปสู่วัยที่โตขึ้นไปอีกก้าว