วิธีขจัดกลิ่นอับชื้น-เชื้อรา จากผ้าไม่แห้งช่วงหน้าฝน
ในช่วงหน้าฝนปัญหาที่พบบ่อย คือ เสื้อผ้ามีกลิ่นอับชื้นเนื่องจากเปียกฝน ตากผ้าไม่แห้งสนิท หรือการสวมใส่เสื้อผ้าที่เปียกชื้นเป็นเวลานาน รวมถึงการสวมหน้ากากผ้าที่เปียกชื้น นอกจากมีกลิ่นไม่พึงประสงค์แล้ว อาจเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคและนำไปสู่ความเสี่ยงของโรคผิวหนังได้
เพื่อสุขอนามัยที่ดี เมื่อกลับถึงบ้านควรนำเสื้อผ้าที่เปียกไปแขวนผึ่งให้แห้ง ก่อนใส่ตะกร้าเพื่อรอการซัก หรือซักทันที ไม่ควรทิ้งไว้นาน ๆ เพราะอาจทำให้เกิดเชื้อราบนเสื้อผ้าได้ และแม้ว่าจะซักทำความสะอาดเสื้อผ้าเป็นอย่างดีแล้ว แต่เนื่องจากฝนตกทำให้เสื้อผ้าที่ตากไว้ไม่แห้ง หรือแห้งไม่สนิท หากนำมาแขวนรวมกันในตู้เสื้อผ้า ก็อาจทำให้เกิดกลิ่นอับชื้น และเกิดเชื้อราบนเสื้อผ้าได้เช่นเดียวกัน เมื่อนำมาสวมใส่อาจทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคผิวหนังจากเชื้อราตามมา อาทิ โรคกลาก เกลื้อน ซึ่งจะมีลักษณะเป็นผื่นแดง มีขุยรอบ ๆ เกิดอาการคัน ทำให้เป็นผื่นแพ้ และติดเชื้อได้
โรคกลาก เกิดจากเชื้อราในกลุ่ม Dermatophytes สามารถติดต่อจากคนไปสู่คน จากสัตว์สู่คน หรือจากสิ่งแวดล้อมไปสู่คนได้ โดย มีปัจจัยที่ทำให้เกิดได้หลายอย่าง เช่น ภูมิคุ้มกันต่ำ อยู่ในบริเวณที่อับชื้น โดยสามารถเกิดได้หลายตำแหน่งตั้งแต่ศีรษะจรด ปลายเท้า ส่วน เกลื้อน เกิดจากเชื้อรา Malassezia furfur ซึ่งเป็นเชื้อราที่อาศัยอยู่บนผิวอยู่แล้ว โดยหากมีปัจจัยมากระตุ้น เช่น การใสเสื้อผ้าอับชื้น มีเหงื่อออกมาก ก็จะเกิดโรคขึ้นได้ มักพบบริเวณ หน้า ต้นคอ หน้าอก และหลัง
วิธีป้องกันการเกิดเชื้อราและกลิ่นอับชื้นในเสื้อผ้าหรือหน้ากากผ้า คือ เมื่อกลับถึงบ้านแล้วควรแยกเสื้อผ้าที่ขึ้นหรือเปียกแขวนผึ่งให้แห้งก่อนนำไปใส่ตะกร้าซักแต่ไม่ควรแขวนทิ้งไว้นานเพราะอาจเกิดเชื้อราบนเสื้อผ้าได้ หากนำมาสวมใส่อาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคผิวหนังจากเชื้อรา เช่น โรคกลาก เกลื้อน เป็นต้น ในส่วนของวิธีทำความสะอาดเสื้อผ้าที่มีกลิ่นอับชื้น หรือเชื้อรา สามารถทำได้ 2 วิธี ดังนี้
วิธีที่ 1 คือ ให้ซักตามปกติ แล้วนำไปต้มในน้ำเดือดนาน 15 นาที ถึง 1 ชั่วโมง
วิธีที่ 2 ให้ซักและแช่ผ้า ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ได้แก่ น้ำยาซักผ้าขาวที่มีส่วนผสมของโซเดียมไฮโปคลอไรด์ โดยเติม 1 ฝา ต่อน้ำ 10 ลิตร และแช่ผ้าไว้นาน 5-15 นาที หรือใช้น้ำส้มสายชู 2-3 ถ้วยตวง ต่อน้ำ 1-2 ลิตร แช่ผ้าไว้อย่างน้อย 1 ชั่วโมง แล้วซักตามปกติ
หลังจากทำวิธีที่ 1 หรือวิธีที่ 2 แล้ว ให้นำเสื้อผ้าไปตากแดดจัด หรือตากในที่ที่มีอากาศถ่ายเท จนแห้ง แล้วนำมารีดทั้งข้างในและข้างนอกตัวเสื้อผ้า ทั้งนี้ ก่อนทำความสะอาดควรอ่านป้ายสัญลักษณ์ การดูแลรักษาเสื้อผ้า เพื่อเลือกวิธีทำความสะอาดที่ดีที่สุด และป้องกันเสื้อผ้าชำรุด
คำแนะนำสำหรับผู้ใช้หน้ากากผ้า
1. เปลี่ยนหน้ากากผ้าทุกวันหรือเปลี่ยนเมื่อรู้สึกเปียกชื้นในระหว่างวัน ควรพกหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าสำรองติดตัวไว้เสมอ เพื่อให้สามารถเปลี่ยนได้ทันที เนื่องจากการสวมหน้ากากในช่วงหน้าฝน เสี่ยงต่อการเปียกชื้นได้ง่าย
2. ใช้สบู่หรือน้ำยาซักผ้า แล้วนำไปตากแดดหรือใช้เครื่องอบให้แห้งก่อนนำกลับมาใช้อีกครั้ง (ขึ้นอยู่กับประเภทของผ้า)
ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่มีอาการคัน หลังสวมใส่เสื้อผ้า ไม่ควรเกาหรือปล่อยไว้จนลุกลาม ควรรีบไปพบแพทย์ผิวหนังเพื่อรับการรักษาที่ถูกวิธีต่อไป