6 แนวทางในการดูแลผู้ป่วยโรคซึมเศร้าที่คุณรัก
ภาวะซึมเศร้า เป็นความเจ็บป่วย ไม่ใช่ภาวะความอ่อนแอทางจิตใจ แต่เป็นความผิดปกติของสารสื่อประสาทในสมอง ทำให้มีอาการเศร้า ท้อแท้ สิ้นหวังรุนแรง เบื่อไม่อยากทำอะไร แม้แต่กิจกรรมเพลิดเพลินที่เคยชอบทำ โดยทุกคนและทุกกลุ่มวัย มีโอกาสที่เกิดภาวะซึมเศร้าได้ และนี่คือ 6 แนวทางในการดูแลผู้ป่วยโรคซึมเศร้าที่คุณรัก
แนวทางในการดูแลผู้ป่วยโรคซึมเศร้าที่คุณรักให้ดีเหมือนที่คุณดูแลตัวเอง มี 6 คำแนะนำ ดังนี้
1. พูดคุยและฟังผู้ป่วย สิ่งสำคัญคือการพูดและการฟังผู้ป่วย ถามว่าเขารู้สึกอย่างไร แต่ไม่ต้องรบเร้าหากผู้ป่วยไม่ต้องการที่จะพูด ฟังด้วยความตั้งใจ และท่าทีที่สบาย ๆ ไม่คะยั้นคะยอ และไม่ตัดสินใจแทน ให้การพูดคุยเป็นเรื่องง่ายและเปิดเผยให้เห็นชัดว่าคุณช่วยเขา และเขาไว้วางใจได้ ถามว่าต้องทำอย่างไรจึงจะช่วยเขาได้มากที่สุด ผู้ป่วยซึมเศร้ามีแนวโน้มที่จะรู้สึกมีคุณค่าในตัวเองต่ำ น้อยใจง่าย ฉะนั้น คนรอบข้างต้องให้ความสำคัญกับคำพูดที่อาจทำให้กระทบกระเทือนจิตใจผู้ป่วย จนทำให้เขารู้สึกด้อยค่า ซึ่งจะมีผลต่ออาการซึมเศร้า
2. ทำความเข้าใจกับโรคซึมเศร้า ผู้ดูแลจำเป็นต้องเข้าใจอาการ และคอร์สการรักษาของผู้ป่วย ซึ่งจะช่วยให้คุณเข้าใจผู้ป่วยที่คุณรักว่าเขารู้สึกอย่างไร ควรแสวงหาความรู้เกี่ยวกับโรคซึมเศร้าที่มีมากมายจากหนังสือ คู่มือ ทางออนไลน์ หรือถามจากทีมผู้รักษา
3. ช่วยสนับสนุนให้กำลังใจ การรักษาผู้ป่วยสิ่งสำคัญที่สุดในการช่วยผู้ป่วยโรคซึมเศร้าได้รับการรักษาตามแผนการรักษา ในระยะแรกคุณอาจต้องจัดยาให้ผู้ป่วยกิน พาไปพบกับแพทย์ พยาบาลผู้รักษาตามนัด หากผู้ป่วยอาการยังไม่ดีขึ้นอาจต้องแสวงหาทางเลือกหลายทางที่ช่วยสนับสนุนให้ผู้ป่วยดีขึ้น
4. ตระหนักถึงสัญญาณเตือนในการฆ่าตัวตาย เป็นเรื่องสำคัญมากที่จะรู้ว่าผู้ป่วยมีความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายหรือไม่ เพราะมีหลายครอบครัวต้องสูญเสียผู้ป่วยไปจากการไม่ได้ประเมินความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายของผู้ป่วย หากผู้ป่วยมีพฤติกรรมทำร้ายตนเองหรือบอกชัดเจนว่าจะฆ่าตัวตาย อย่าปล่อยผ่าน อย่าปล่อยให้อยู่คนเดียว ควรรีบพามาพบแพทย์และทีมการรักษาเพื่อให้การช่วยเหลือ และเฝ้าระวังการฆ่าตัวตายต่อไป
5. ช่วยเหลือในการดำรงชีวิตประจำวัน บ่อยครั้งที่ผู้ป่วยซึมเศร้ามีปัญหาความยุ่งยากในการทำกิจวัตรประจำวัน จนคนในครอบครัวเข้าใจว่าผู้ป่วยขี้เกียจ จนเผลอตำหนิ ซึ่งทำให้ผู้ป่วยรู้สึกด้อยค่าลงไปอีก ในช่วงนี้เป็นช่วงสำคัญมากที่คุณต้องเข้าใจว่าพฤติกรรมดังกล่าว ว่าเป็นอาการของคนเป็นโรคซึมเศร้า คุณต้องช่วยผู้ป่วยในการจัดการกับตัวเองตามกิจวัตรประจำวันที่ผู้ป่วยควรทำตามลำดับในแต่ละวัน
6. ช่วยเหลือในการทำกิจกรรมที่เป็นปกติของผู้ป่วย พยายามกระตุ้นคนที่คุณรักให้ดำรงกิจกรรมที่เขาทำเป็นปกติก่อนที่เขาป่วยเป็นโรคซึมเศร้า เช่น เคยไปทำงานที่ก่อให้เกิดรายได้ เคยไปเล่นกีฬา ไปออกกำลังกาย ช่วยเขาทำกิจกรรมที่เคยทำให้ได้มากที่สุด แต่อย่าพยายามคะยั้นคะยอให้ทำ หากผู้ป่วยยังไม่พร้อม แต่จงพยายามช่วยเขาในการดำรงชีวิต
ผู้ที่ไม่ได้ป่วยย่อมไม่สามารถเข้าใจถึงสิ่งที่ผู้ป่วยรู้สึกได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตาม คุณสามารถช่วยเหลือคนที่คุณรักผู้มีอาการซึมเศร้าให้อาการดีขึ้นได้ ด้วยแนวทางดังกล่าวข้างต้น