5 ข้อควรระวังสำหรับผู้สูงอายุเพื่อลดความเสี่ยงเจ็บป่วยช่วงหน้าฝน
หน้าฝน เป็นฤดูที่มาพร้อมกับความชุ่มฉ่ำของสายฝนที่ช่วยคลายร้อนได้ดี แต่ในขณะเดียวกันก็นำมาซึ่งความเสี่ยงในการเกิดโรคภัยไข้เจ็บด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นกลุ่มคนเปราะบาง อาจเกิดอาการเจ็บป่วย หรืออุบัติเหตุฉุกเฉินได้ง่าย และนี่คือ 5 ข้อควรระวังสำหรับผู้สูงอายุเพื่อลดความเสี่ยงเจ็บป่วยช่วงหน้าฝน
1. ควรดูแลร่างกายให้ร่างกายอบอุ่น เพื่อป้องกันโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ เช่น โรคไข้หวัด โรคไข้หวัดใหญ่ หากผู้สูงวัยโดนฝนหรือเปียกฝนควรรีบเช็ดศีรษะให้แห้ง สวมใส่เสื้อผ้าที่แห้งให้ความอบอุ่น ใส่ถุงเท้า เวลานอนห่มผ้า รับประทานอุ่นๆหรือปรุงสุกใหม่ๆ รวมถึงเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรงด้วยการรับวัคซีนเพื่อให้ร่างกายมีภูมิต้านทานโรค โดยวัคซีนที่จำเป็นจะต้องได้รับ คือ วัคซีนไข้หวัดใหญ่ วัคซีนปอดอักเสบในผู้สูงอายุ รวมไปถึงวัคซีนโควิด19
2. เมื่อมีอาการคัน อย่าเกา เนื่องจากสภาพอากาศที่ชื้นและเย็น ประกอบกับผิวของผู้สูงอายุแห้ง ขาดความชุ่มเนื่องจากต่อมไขมันและต่อมเหงื่อทำงานลดลง ผิวหนังจึงแห้ง ขาดน้ำ ทำให้เกิดขุยและมีอาการคันได้ง่าย หากเกาบ่อยๆ หรือเกาแรงเกินไปอาจทำให้เป็นแผลติดเชื้อโรคผิวหนัง ควรหายาทายับยั้งการเกิดผื่นคัน และดูแลความสะอาดของผิวหนัง
3. ระวัง โรคไข้เลือดออก ผู้สูงอายุถือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นในผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก ดังนั้น ควรดูแลที่อยู่อาศัย โดยทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลายรอบๆบ้าน หรือใช้ทรายอะเบทโรยในที่ที่มีน้ำขัง พยายามป้องกันไม่ให้ยุงกัดด้วยการทาโลชั่นกันยุง นอนกางมุ้ง หรือจุดสมุนไพรไล่ยุง รวมถึงอาจเข้ารับวัคซีนเพื่อป้องกันโรคไข้เลือดออก
4. หลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำ การเดินลุยน้ำที่ท่วมขังอาจเป็นสาเหตุของโรคเท้าเปื่อย สำหรับผู้สูงอายุที่เป็นโรคเบาหวาน หากมีบาดแผลที่เท้าอาจจะมีความเสี่ยงติดเชื้อลุกลาม ดังนั้น ถ้าจำเป็นจะต้องเข้าไปลุยน้ำ ควรใส่อุปกรณ์ป้องกัน เช่น รองเท้าบูทยาง ถุงมือยาง เพื่อหลีกเลี่ยงเชื้อโรคต่างๆ ที่อาจสะสมอยู่ตามพื้นที่น้ำขัง เช่น โรคฉี่หนู โรคพยาธิ โรคเชื้อรา
5. ระวังการลื่นล้ม หกล้ม ไม่ควรปล่อยพื้นให้เปียกแฉะ หากเกิดอุบัติเหตุลื่นล้ม อาจจะนำไปสู่ปัญหาที่ร้ายแรง เช่น กระดูกหัก ศีรษะได้รับการกระทบกระเทือน หรืออาจอันตรายถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้ การเดินบนพื้นที่เปียกแฉะ ควรเลือกรองเท้าที่มีดอกยางยึดเกาะพื้นได้ดี สวมใส่กระชับ หรือมีอุปกรณ์ช่วยผยุง และต้องเดินด้วยความระมัดระวัง
แม้ไม่ใช่ช่วงหน้าฝน ผู้สูงอายุก็ต้องระวังเรื่องการลื่นล้ม โดยเฉพาะผู้สูงวัยที่มีอาการเวียนศีรษะบ้านหมุน เพราะมีความเสี่ยงสูง อย่าลืมดูแลตัวเอง ซึ่งอาการเวียนศีรษะบ้านหมุนจากบางสาเหตุสามารถรักษาให้หายได้ด้วยการรับประทานยา ใครที่กำลังมองหายารักษาอาการมึนงง ทรงตัวไม่อยู่ เวียนศีรษะบ้านหมุน ขอแนะนำ เมอริสล่อน (Merislon) โดยตัวยา Betahistine mesylate ในเมอริสล่อนออกฤทธิ์ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง เพิ่มการไหลเวียนของเลือดในหูชั้นใน รวมถึงลดความดันภายในหูชั้นใน จึงช่วยบรรเทาอาการเวียนศีรษะบ้านหมุน อาการหัวหมุน วิงเวียนศีรษะ ทรงตัวไม่อยู่ มีการศึกษาพบว่าเมอริสล่อนให้ผลการรักษาได้จริงในคนไข้ ปลอดภัยสูงและมีผลข้างเคียงต่ำ โดยผู้ใหญ่รับประทานเมอริสล่อน ครั้งละ 1-2 เม็ด วันละ 3 ครั้งหลังอาหาร (ขนาดยาควรปรับตามอายุ และความรุนแรงของอาการ)
ผู้สูงอายุมีโอกาสที่จะเกิดภาวะล้มได้มากกว่าคนในวัยอื่น การป้องกันดูแลจึงเป็นเรื่องสำคัญ หากสามารถป้องกันการหกล้มได้จะก่อให้เกิดคุณภาพชีวิตที่ดีในผู้สูงอายุ